ทำไมต้อง Mac?
MacBook Pro เป็นทางเลือกลำดับต้นๆ ของเหล่าช่างภาพมายาวนาน ผมรู้จักช่างภาพคนหนึ่ง ที่ก็มักจะบ่นว่ารายได้ไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่พอถามเรื่องคอมพิวเตอร์ ช่างภาพก็บอกว่า "ต้อง" ใช้ Mac และต้องเปลี่ยนทุก 5 ปี เหมือนว่าไม่มีทางเลือกอื่นก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า สำหรับผม MacBook Pro นั้น เหมาะสมกับการทำงานกับภาพถ่ายมาก โดยเฉพาะการที่มันมีน้ำหนักเบา พกพาได้สะดวก และหน้าจอมีสีสันที่สมจริง ทำให้เป็น Laptop ที่ครองใจช่างภาพมาอย่างยาวนาน และผมก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะแนะนำ MacBook Pro ให้กับช่างภาพที่อยากใช้ Mac ในการทำงาน เพียงแต่ว่า "นั่นมันง่ายเกินไป" ครับ ใครๆ ก็สามารถแนะนำให้ใช้ Mac ได้เลยโดยแทบไม่ต้องคิดอะไร ส่วนทางฝั่ง Windows เองก็มี Laptop หลายรุ่นที่เหมาะกับการทำงานภาพถ่าย แต่อาจจะแค่ไม่ได้พูดถึงมันในวันนี้
ช่างภาพผู้ใช้ Surface Pro
วันนี้ผมอยากถือโอกาสนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของเหล่าช่างภาพมืออาชีพที่ "เบื่อ" สิ่งเดิมๆ/ "อยากลอง" อะไรใหม่ๆ/ แต่ละคนอาจจะมีเหตุผลที่ต่างกันไป มาพบกับประสบการณ์ของช่างภาพผู้ใช้ Surface Pro เหล่านี้กันครับOnlysublime
ผมเป็นช่างภาพที่ใช้งานพวก Lightroom, Photoshop, Illustrator, InDesign, และ Premiere Pro เยอะเลย โปรแกรมเหล่านี้ทำงานได้ดีเยี่ยมบน Surface Pro i7, 8GB, 256GB ของผม เพียงแต่บางทีก็คิดว่าถ้ามี RAM 16GB น่าจะใช้ Premiere Pro ได้ดีกว่านี้ครับ
แต่ 8GB นั้นเพียงพอกับการใข้งาน Photoshop แน่นอน
Etphoto
ผมเป็นช่างภาพโปร ที่ใช้ Surface Pro ครับ Photoshop ใช้งานได้ชิวมากๆ แต่เพราะมันมีหลายรุ่น คงต้องขึ้นกับว่าภาพถ่ายที่จะทำงานด้วยนั้นเป็นภาพแบบไหน และปริมาณกี่ภาพ ผมแนะนำให้ใช้รุ่น Core i7, 16GB ซึ่งก็แพงเอาการอยู่ เรื่องเดียวที่ผมเป็นกังวลก็คือ ขนาดของหน้าจอที่อาจจะเล็กเกินไป (แต่ก็สามารถต่อออกหน้าจอได้)
ลองนึกถึงการสั่งให้ Photoshop ทำงานบางอย่างกับภาพหลายร้อยภาพพร้อมๆ กัน ถ้าต้องใช้งานแบบนั้น RAM 16GB จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
GG002
ผมอยากบอกว่า จริงๆ แล้วผมเป็นช่างภาพ "กึ่ง" อาชีพที่รับงาน freelance เป็นครั้งคราว ผมใช้ Surface Pro 3 มาหลายปีแล้ว และมันเยี่ยมยอดมากในการปรับแต่งรูปภาพนอกสถานที่ เครื่องของผมมี RAM 8GB, SSD 256GB, และ USB-A สำหรับต่อกับ external hard drive ซึ่งทำให้ผมไม่เคยมีปัญหาเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่อง performance หรือพื้นที่ในการจัดเก็บ เอาจริงๆ เลยนะ การที่หน้าจอของ Surface Pro มีความแม่นยำของสีที่เหนือกว่า Gaming laptop ที่ผมมี ทำให้แม้ว่าจะอยู่บ้าน ผมก็มักจะคว้า Surface Pro 3 มาใช้ในงานแต่งรูปครับ
Convergent
ผมใช้ Lightroom เยอะมวากกก แต่ไม่เคยต้องใช้ RAM ถึง 16GB เลย ผมเริ่มต้นใช้ Lightroom กับ MacBook Air 4GB เป็นเวลาหลายปีก่อนจะเปลี่ยนเป็น Mac mini 4GB (ก่อนอัพแรมเป็น 10GB ในเวลาต่อมา) ตอนนี้ผมใช้ New Surface Pro (nSP) 8GB เอาจริงๆ ทั้งสามเครื่องสามารถทำงานโอเคเลยนะสำหรับการปรับแต่งภาพ RAW files เยอะเยอะของผม
อ่อ ผมเพิ่งใช้ nSP มาไม่นานเลยยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้อย่างละเอียด แต่เท่าที่ใช้มา ก็น่าจะไปได้ดีกับ Lightroom
(อัพเดทเพิ่มเติม)
ผมเพิ่งปรับแต่งภาพกว่า 1,800 ภาพ ที่ไปถ่ายงานมาใน Lightroom มันก็ทำงานได้เร็วดีนะ จาก 1,800 ผมเลือกให้เหลือ ~400 จากนั้นก็ cropๆๆๆ และ edit บ้างเล็กน้อย จากนั้นก็ output มันขึ้นไปบน gallery บน Facebook
ผมใช้ nSP, type cover, Surface arc mouse และมันทำงานได้ลื่นๆ เลยนะ ขนาดตอนที่มันสร้าง preview อยู่ ผมยังสามารถเข้าไปดูรูปแต่ละรูปโดยไม่แล็กตอนเปลี่ยนรูปเลยครับ อ่อ ผมทำงานที่โต๊ะกินข้าวด้วยนะ (ให้เมียดูทีวี 4K ไป... เป็นคนดีจริงๆ)
ผมรักมันแล้ว new Surface Pro
Dnmartin98
ผมเป็นโปรถ่ายภาพที่ใช้ Windows มาตลอด (เป็นพันธุ์หายาก...555) และเคยทำงานด้านถ่ายภาพในมหาวิทยาลัยด้วย
ผมใช้ Surface Pro 4 ในการทำงานครับ เมื่อเร็วๆ นี้เอง ผมได้ย้ายข้อมูลทั้งหมดมาจาก Desktop ของผมมาทำงานใน SP4 ทั้งหมดเพื่อจะดูว่ามันจะไหวมั้ย และพบว่ามันไหวมาก ผมทำงานเกือบจะทั้งหมดใน Lightroom นะครับ นานๆ ครั้งถึงจะใช้ Photoshop ซักทีคงขออนุญาตไม่เม้นท์เรื่อง Photoshop แล้วกัน
ผมใช้ SP4 core i7, 16GB, 512GB และต่อ Surface dock ออกจอเพิ่มอีก 2 จอ ทำงานที่ว่ามาแบบเนียนๆ ไม่มีปัญหา ซึ่งมันขึ้นอยู่กับขนาดของ RAW files ด้วย ปกติผมจะถ่ายภาพแบบ mRAW / sRAW ซึ่ง Lightroom จัดการได้สบายๆ แต่ไม่รู้ว่าเวลาที่จำนวนภาพเพิ่มขึ้นเยอะๆ แล้วมันจะเป็นยังไงเหมือนกันนะครับ เดาเอาว่ามันคงอืดลงตามธรรมชาติ เดิมทีผมจะสร้าง Catalogue ใหม่ทุกๆ ประมาณ 3 ปี แต่สงสัยต่อไปนี้จะต้องทำมันบ่อยขึ้นเพื่อให้จำนวนภาพต่อ catalogue ลดลง
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมถ่ายภาพพวกสิ่งปลูกสร้างซึ่งต้องการ full RAW files มา ก็สังเกตุเห็นว่า SP4 จะใช้เวลามากกว่าปกติหน่อยในการปรับแต่งภาพพวกนี้มากกว่า mRAW / sRAW นะ แต่ก็ไม่ได้กระทบการทำงานของผมมากมายอะไร
ประโยชน์เด่นๆ เลยของ SP4 สำหรับผมคือการพกพาเดินทางไปไหนมาไหน อย่างบนเครื่องบิน พื้นที่วางของมันก็จะเล็กๆ หน่อย SP4 กินพื้นที่น้อยลงกว่า laptop สมัยก่อนเยอะ ทำให้การทำงานบนเครื่องบินดีขึ้นจมหูเลยครับ และถ้าดันดวงแตกไปเจอเครื่องที่แคบมากๆ ก็เอา type cover ออกและใช้ touch mode ได้ แม้ว่า Light room จะทำงานได้แย่เมื่อใช้ touch mode ก็ตาม มันก็ยังดีกว่าทำอะไรไม่ได้เลยบนเครื่องบิน
เรื่องพื้นที่เก็บข้อมูลนี่ล่ะที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่ของผมตอนนี้กับ SP4 เพราะตอนที่ใช้ Desktop ผมจะใส่อะไรเท่าไหร่ก็ว่าไป แต่ตอนนี้พอใช้แต่ SP4 แล้วมันทำให้กังวลเรื่องนี้หนักมาก และตอนนี้ยังไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดี คงต้องหาทางกันต่อไป
ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมไม่ค่อยชอบ คือ เรื่อง power management ที่พอเปลี่ยน profile แล้วจะต้อง restart ใหม่ทุกที ซึ่งก็เป็นปัญหาของ Windows ล่ะนะ
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ไม่ค่อยเป็นปัญหาสำหรับผมนะ ยังไงซะ งานที่ผมทำอย่างการ build previews อะไรพวกนี้มันกินแบตอยู่แล้ว ปกติผมไม่พก charger ด้วยนะ ก็ยังโอเค อ่อ แต่ถ้าวันไหนขึ้นเครื่องบินแล้วที่นั่งไม่มีปลั๊กให้ชาร์จไฟ พอแบตหมด ผมก็แบตหมดตาม ฮี่ๆๆๆ
สรุปง่ายๆ ว่า สำหรับผม ความดีของมัน มีมากกว่าความหงุดหงิดมากมายก่ายกองครับ
Jlabelle
ผมเป็นช่างภาพที่ใช้ Surface Pro 3, core i7, 8GB และคิดว่ามันแจ่มมากครับ ผมใช้ Capture One Pro 10 ที่บ้านโดยต่อ SP3 เข้ากับ Dell monitor 27"
หรือถ้าไม่ต่อจอนอก ผมกลับใช้มันแบบ Tablet mode นะ ซึ่งก็ทำงานได้ลื่นๆ โดยเฉพาะถ้าใช้ปากกามาแทนเม้าส์ด้วย ผมหมุนและซูมด้วยทัช และเลื่อนสไลเดอร์/ mask ด้วยปากกา
สำหรับผม ยังไงซะ สำหรับงานแต่งรูป (ซึ่งมันไม่ต้องใช้พลังประมาณผลสูงเวอร์ๆ) พวก touch 2-in-1 ยังไงก็ดีกว่า Mac แน่ๆ ด้วยความสัตย์จริง ถ้าต้องจ่ายเพิ่ม 500 ยูโรเพื่อให้ได้ MacBook Pro ที่เร็วกว่านิดหน่อย แต่ไม่รองรับ touch & pen ซึ่งผมคิดว่าสำคัญมากกับงานแต่งภาพ ผมนึกไม่ออกเลยว่าทำไมถึงจะเลือก Mac ผมไม่ใช่ fanboy เลยไม่เข้าใจมั้ง
ยิ่งพอได้ยินว่า new Surface Pro เร็วกว่ารุ่นที่ผมใช้อยู่ 50% ผมยิ่งมั่นใจว่า ทำงานได้ชิวๆ แน่ครับ
ขอแนะนำแรงๆ เลยครับ
Witness
ผมใช้ Surface Pro 3, 256GB ครับ (ถ้าจะซื้อใหม่ผมจะจัด 512GB แน่ๆ ครับ) ตอนนี้ผมใช้เจ้า SP3 นี่เป็น workstation หลักของผมเลย จะแต่งภาพที่ไหนก็ได้ สามารถรันสคริปต์ให้มันปรับขนาดภาพอะไรพวกนี้ให้ลูกค้าได้สบายๆ ตอนผมเดินทาง ยิ่งมีปากกา ยิ่งทำให้การทำงานง่ายขึ้นมาก
อ้อ ผมเป็น โปรถ่ายภาพมามากกว่า 17 ปีแล้วครับ
สรุป
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่า 100% ของช่างภาพที่มาแชร์ เป็น positive feedback ทั้งหมด จริงๆ ยังมีบทความแบบนี้อีกมากมาย ไว้ว่างๆ อาจจะเอามาเล่าสู่กันฟังอีกครับ
ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังตัดสินใจจะถอย nSP นะครับ