Search this site

Sunday 22 January 2017

ปรับแต่งการใช้งานบน Battery ใน Windows 10 ให้ใช้งานได้นานขึ้น - ปรับการทำงานเบื้องหลัง

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ที่ใช้ Windows 10 Laptop/ Tablet/ 2-in-1 แล้วรู้สึกว่า "แบตหมดเร็ว" วันนี้ผมมี Tips เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกันครับ

ก่อนอื่น ขอบอกก่อนนะครับว่าวิธีการทำให้ Battery ใช้ได้นานขึ้นใน Windows 10 นั้น ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างมาก ตั้งแต่ hardware ที่มี, Windows 10 version ต่างๆ กัน, Programme/ Game/ App ที่ลงไว้ในเครื่อง ซึ่งเอาจริงๆ คงจะไม่มีสูตรสำเร็จเพียงสูตรเดียวที่จะช่วยได้ ครั้งนี้ผมเลยจะขอเขียนถึงการปรับทำงานเบื้องหลัง ซึ่งหลายๆ คน อาจจะไม่ทราบว่ามันมีผลพอสมควรทีเดียว

การปรับการทำงานเบื้องหลังของ Windows 10 Anniversary Update (version 1607)

หลังจาก Windows 10 Anniversary Update นั้น การปรับการทำงานเบื้องหลังใน Settings มีอยู่ 2 ที่ครับ (เอาจริงๆ มันควรมีที่เดียวนะ รอดูกันต่อไปครับว่า Microsoft จะเปลี่ยนตรงนี้หรือไม่)
  1. ปรับใน Battery Settings
  2. ปรับใน Background apps Settings

การปรับการทำงานเบื้องหลังใน Battery Settings

  1. กด Settings
  2. เลือก System
  3. เลือก Battery
  4. เลือก Battery usage by app ซึ่ง Windows 10 จะคำนวณแอพที่ใช้ปริมาณแบตเตอรี่ของเรา
  5. เลือกว่าจะให้แสดง แอพที่มีการใช้, แอพที่มาจาก store ทั้งหมด, หรือแอพที่เราเคยเลือกให้ทำงานเบื้องหลังได้ตลอดเวลา
  6. จากนั้น เลือกแอพที่เราต้องการปรับตั้งค่า โดยควรเริ่มพิจารณาจากแอพที่มีการใช้งานสูงๆ ก่อน (ในที่นี้ผมเลือก Facebook เพราะทุกคนรู้จัก :D) Windows 10 จะคำนวณให้ว่าแอพดังกล่าวใช้แบตของเรากี่ % จากการใช้งานของเรา (in use) และกี่ % จากการทำงานเบื้องหลัง (background)
  7. เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะให้แอพนั้นๆ สามารถทำงานเบื้องหลังได้มากนั้นขนาดไหน
    1. Always allow - แอพจะทำงานเบื้องหลังได้ตลอดแม้ว่าจะเปิด "Battery saver mode"
    2. Managed by Windows - ให้วินโดวส์จัดการให้ อันนี้ไม่เคลียร์ แต่เท่าที่ดู เข้าใจว่า เวลาปกติ แอพจะทำงานเบื้องหลัง แต่ถ้าเปิด "Battery saver mode" แอพจะหยุดทำงานเบื้องหลัง
    3. Never allowed - แอพจะไม่สามารถทำงานเบื้องหลังได้ (ประหยัดพลังงานที่สุด)


การปรับการทำงานเบื้องหลังใน Background apps Settings

  1. กด Settings
  2. เลือก Privacy
  3. เลือก Background apps
  4. Windows จะมีรายการ App ทั้งหลาย พร้อมทั้งสถานะว่าแอพนั้นๆ ได้รับอนุญาตให้ทำงานเบื้องหลัง (รับส่งข้อมูล, แจ้งเตือน เป็นต้น) โดยหากเราไม่อยากให้แอพนั้นๆ ทำงานเบื้องหลัง (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย หรือเรื่องแบตเตอรี่) เราสามารถปิดมันได้ตรงนี้ด้วยครับ


เพียงเท่านี้ เราก็จะสามารถควบคุมการทำงานของแอพต่างๆ ในเบื้องหลังให้เป็นไปตามที่เราต้องการ และหวังว่าจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ออกไปอีก ไม่มากก็น้อยครับ

จะเห็นได้ว่า กระบวนการนี้ ใช้ได้กับ App/ Programme ที่เราโหลดจาก Windows Store เป็นหลักนะครับ นั่นหมายว่า ใน Windows 10 นี้ การใช้ Windows store app จะช่วยให้เราบริหารการใช้แบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเรานะครับ ใครที่อยากให้ battery ใช้ได้นานๆ ควรใช้ Windows store app แทนที่ App/ programme ปกตินะครับ














Tuesday 10 January 2017

ความแตกต่างของความจุ Drive ต่างๆ ระหว่างหน้ากล่องและที่แสดงใน Windows

สวัสดีครับ หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมเวลาเราซื้อ Hard disk, Flash Drive หรือ Micro SD card นั้นพอเราเปิดดูมันใน Windows 10 (จริงๆ เป็นเหมือนกันทุก Windows ครับ) จะเห็นว่า Drive ที่เราซื้อมานั้นมีขนาดเล็กกว่าที่เขียนไว้ข้างกล่อง บางทีพื้นที่หายไปก็มากอยู่ เราโดนหลอกหรือไม่ วันนี้ผมมีที่มาที่ไป และวิธีคำนวณง่ายๆ มาให้ดูกันครับ

ความจุของ Drive บนฉลาก
ความจุของ Drive ที่แสดงบน Windows
ถ้าเราอ่านละเอียดๆ จะเห็นว่าผู้ผลิต Drive ต่างๆ จะมีเขียนตัวเล็กๆ ว่า 1 GB = 1,000,000,000 bytes ซึ่งหมายถึงการใช้เลขฐานสิบ (Decimal) ที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวันมาโฆษณาความจุของ Drive ที่เราซื้อ

สำหรับการแสดงความจุของ Drive ต่างๆ บน Windows นั้น จะใช้เลขฐานสอง (Binary) ซึ่งคอมพิวเตอร์ใช้มาตั้งแต่ยุคแรกๆ เนื่องจากคอมพิวเตอร์มองทุกอย่างเป็น 0 และ 1  ดังนั้น
1 Kilo byte จึงเท่ากับ 2^10 = 1024 bytes
1 Mega byte จึงเท่ากับ 2^20 = 1024 x 1024 = 1,048,576 bytes
1 Giga byte จึงเท่ากับ 2^30 = 1024 x 1024 x 1024 = 1,073,741,824 bytes

ดังนั้น สำหรับหน่วยความจำขนาด 1 GB จะเห็นว่าจะมีผลต่างอยู่ที่ 73,741,824 bytes เมื่อแสดงผลบน Windows นั่นเองครับ

ซึ่งนั่นจะทำให้ Windows คำนวณออกมาว่าหน่วยความจำขนาด 32 GB ที่ระบุโดยผู้ผลิตนั้น จะแสดงผลออกมาเป็น 32,000,000,000 / 1,073,741,824 = 29.8 GB พอดีเป๊ะอย่างในรูปด้านบนครับ

เรื่องแสดงผลต่างกันนี่มีมาหลายสิบปีแล้วครับ ตอนนี้คงต้องทำความเข้าใจไปก่อน

มีตลกฝรั่งสมัยก่อนบอกว่าความแตกต่างของโปรแกรมเมอร์มือใหม่และโปรแกรมเมอร์มือโปร นั้น คือ มือใหม่นั้นเชื่อว่า 1 kilobytes เท่ากับ 1000 bytes ส่วนมือโปรนั้นเชื่อว่า 1 kilometre เท่ากับ 1024 metres 😋