Search this site

Thursday 7 November 2019

ทำความรู้จักกับ Surface Pro X - part 2

สวัสดีครับ วันนี้มาต่อกันกับการทำความรู้จัก Surface Pro X ที่ตอกแรกก็ไม่คิดว่ามันจะยาวขนาดนี้ แต่เพราะมันดันมี features ที่น่าสนใจมากมาย ทำให้จะรวมไว้เป็นหน้าเพจเดียวก็จะดูยาวเกินไป เอาเป็นว่า สามารถหาอ่าน part 1 ได้ที่นี่นะครับ


ว่าแล้วก็เริ่มกันต่อดีกว่าครับ ว่ายังมีอะไรเด็ดๆ อีกบ้าง

หน่วยประมวลผล Microsoft SQ1 processor


หากได้ติดตามข่าวสารจาก Qualcomm มาบ้างเราจะทราบว่าเมื่อปลายปี 2018 Qualcomm นั้นได้ประกาศ Snapdragon 8cx ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลที่ทาง Qualcomm ได้ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการเอามาใช้ใน PC เพราะมีประสิทธิภาพสูงและต้องการการระบายความร้อนที่ดี โดยเจ้า Snapdragon 8cx นี้จะมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับ intel Core i5 8250U

ทาง Surface team นั้น ไม่ได้นำ Snapdragon 8cx มาใส่เข้าไปใน Surface Pro X เฉยๆ แต่ได้มีการ customise ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะมี Clock speed ถึง 3GHz เลยทีเดียว (Snapdragon 8cx นั้นอยู่ที่ 2.84GHz) และมี TDP อยู่ที่ 7 watts


นอกจากนั้นแล้วชิพ Microsoft SQ1 นั้นยังเสริมความแรงด้วย AI engine โดยที่ AI engine ที่มีความแรงถึง 9 Teraops นี้จะมาช่วยแบ่งเบาการทำงานของ CPU/ GPU เช่น ทาง Panos Panay ยกตัวอย่างการประมวลผลแบบเรียลไทม์ที่ช่วยปรับสายตาของคู่สนทนาทาง video conference ให้มองตรงมายังคู่สนทนาอีกฝั่งหนึ่ง ไม่มองไปมาหลุกหลิกบนหน้าจอ หรือจับจ้องไปที่อื่น (ปัญหานี้ใครเคย video call ผ่านคอมหรือมือถือน่าจะคุ้นเคยกันดีนะครับ ว่าคู่สนทนาจะไม่ได้จ้องตากันจริงๆ จัง) ซึ่งในชิพที่มี TDP 15 watts (พวกชิพ intel ตระกูล U นั่นแหละครับ) ปกติแล้วจะทำงานแบบนี้ไม่ค่อยไหว หรือไหวแต่ก็เต็มๆ ประสิทธิภาพ CPU/ GPU โดยการที่มี AI engine ใน Microsoft SQ1 chip นี้จะช่วยให้มีน่วยประมวลผลอะไรแบบนี้เป็นการเฉพาะได้โดยไม่ต้องไปพึ่ง CPU/ GPU นั่นก็จะทำให้งานอื่นๆ ที่ทำอยู่นั้น ลื่นขึ้นอย่างมาก

แล้ว GPU ล่ะ เป็นอย่างไร


ทาง Panos Panay ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมาก แค่บอกว่ามีประสิทธิภาพถึง 2 Teraflops เลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเราเปิดดู spec sheet ก็จะพบว่ามันเป็นตัว customise อีกแล้วครับ โดยมีชื่อว่า Adreno 685 ซึ่งจะแรงกว่า Adreno 680 ที่ใส่ใน Snapdragon 8cx อยู่ประมาณ 10%

ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว graphic performance ที่ 2 TFs นี่ไม่ใช่ธรรมดาเลย เมื่อลองเทียบดูกับ Xbox One X ที่เป็นเกมคอนโซลโดยเฉพาะนั้น มี graphic performance เพียง 1.4 TFs

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของ graphic นั้นจะดูจากเลข Teraflops อย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ มันก็คงจะต้องขึ้นกับผู้พัฒนาเกมด้วยว่า จะนำประสิทธิภาพตรงนี้มาใช้ได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไปครับ
ลองดู Surface ใน Lazada

Edge-to-Edge 13" PixelSense display


เรื่องขนาดของหน้าจอก็เป็นอีกจุดขายหลักของ Surface Pro X เนื่องจากได้มีการนำเอาหน้าจอขนาด 13 นิ้ว มาใส่ไว้ในโครงที่มีขนาดเท่าๆ กับ Surface Pro 7 ที่ขนาดหน้าจอ 12.3" ซึ่งนั่นจะทำให้มีขอบของเครื่องที่บางลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยหน้าจอที่ใช้จะเป็นหน้าจอ PixelSense ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Microsoft อัตราส่วนหน้าจอที่อยู่ที่ 3:2 นั้น เป็นอัตราส่วนหน้าจอที่ทำให้ Surface products มีส่วนสูงมากกว่า laptop ทั่วๆ ไปที่มีอัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9 อยู่ประมาณนึง อัตราส่วนหน้าจอนี้ผมชอบมากๆ เพราะมันเหมือนสมัยเมื่อสัก 10 กว่าปีก่อนอัตราส่วนหน้าจอ laptop จะสูงๆ แบบนี้แหละ แม้ว่าเวลาดู YouTube มันจะมี Black bar แต่เวลาทำงาน Microsoft Office นั้น ถ้าอัตราส่วนหน้าจอเป็น 16:9 แล้ว มันจะมีพื้นที่ให้ทำงานน้อยมากๆ แค่ Ribbon menu ก็กินพื้นที่ไปเกือบหมดแล้ว ทำให้เวลาทำงาน Word/ Excel/ PowerPoint นั้นเราจะมีมุมมองที่กว้างขึ้น และทำงานได้สบายขึ้นมากเลยครับ

Always On Always Connected ไม่ต้องรอบูทเครื่องอีกต่อไป


การที่ Surface Pro X นั้น ใช้หน่วยประมวลผล Microsoft SQ1 ที่พัฒนาร่วมกับ Qualcomm นั้น ทำให้ Surface Pro X มีคุณสมบัติในรูปแบบเดียวกับ Smartphone ไปด้วย นั่นคือ Always On และ Always Connected

ลักษณะการใช้งานที่เป็นจุดเด่นของ Surface Pro X ก็จะกลายเป็นว่า "ไม่ต้อง shut down" อีกต่อไป แค่ปิดหน้าจอ (sleep) ไว้ก็พอ และสามารถใช้งานต่อได้ทันทีแบบเดียวกันกับ Smartphone ซึ่งการที่มีคุณสมบัติแบบนี้ การที่เราจะปิดๆ เปิดๆ หน้าจอบ่อยๆ ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด แถมยังมีการเชี่อมต่อ Wifi, Bluetooth, LTE ได้ตลอดเวลาแม้จะอยู่ในสถานะปิดหน้าจอ (sleep) ก็ตาม

มันช่างเหมาะกับคนยุคใหม่เสียจริง ^^~
ลองดู Surface ใน Lazada

Surface Slim Pen ที่ไม่ต้องเปลี่ยนถ่านอีกต่อไป


อันที่จริงส่วนตัวผมชอบ Surface Pen ที่เปลี่ยนถ่านได้มากๆ เลยนะครับ เพราะนอกจากถ่านก้อนนึงจะใช้งานได้นานเป็นปีแล้ว เราก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าถ่านชาร์จพอใช้ไปนานๆ จะบวม จะต้องมาเปลี่ยนถ่านมันหรือไม่
Surface Pro X นั้น มาพร้อมกับปากกาใหม่ที่เปลี่ยนรูปทรงไป ชื่อว่า Surface Slim Pen ซึ่งจะมาพร้อมกับ rechargable battery แล้วครับ ใครที่ก่อนหน้านี้หาซื้อถ่าน AAAA ไม่ค่อยได้ก็คงจะหมดปัญหากันเสียที โดยที่ Surface Slim Pen นี้ จะมีคุณสมบัติไม่ด้อยไปกว่า Surface Pen ปกติทุกประการ


สาเหตุที่ Surface team ต้องออกแบบ Slim Pen ใหม่นี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่หน้าจอของ Surface Pro X ที่ตอนนี้นั้นมีขอบหน้าจอที่เล็กมากๆ จนไม่สามารถที่จะเอาแถบแม่เหล็กไปติดไว้ได้อีกแล้ว แถมตัวเครื่องก็บางกว่าเดิมลงอีก 1 mm

Surface team ได้ออกแบบ Surface Slim Pen ใหม่ ให้สามารถใช้งานได้คู่กันกับ Surface Pro X TypeCover โดยจะมีช่องเก็บ Slim Pen อยู่บน Type Cover เลย แถมยังเป็นที่ชาร์จไฟไปด้วยในตัวอีกต่างหาก

กลายเป็นว่า Surface Slim Pen และ TypeCover นี้เป็นคู่ duo ที่ลงตัวมากๆ เพราะ ผมเชื่อว่าผู้ใช้งาน Surface Pro เกือบทุกคนจะมี TypeCover กันทั้งนั้น และการที่ Slim Pen เก็บอยู่ใน TypeCover ก็จะตัดปัญหาเรื่องของการหล่นหายระหว่างที่เราเก็บ Surface ของเราไว้ในกระเป๋าไปได้เลย 100%

สรุปว่า ผมคิดว่ากรณีนี้นั้น Surface Slim Pen ที่มาพร้อม Rechargable battery นั้นมี benefit ที่มากกว่า risk และผมสามารถแนะนำให้ผู้อื่นใช้ได้อย่างไม่เคอะเขิน

Removable SSD 128-512 GB แม้จะเป็น tablet แต่ก็สามารถอัพเกรดได้


Surface Pro X นั้นมาพร้อมกับ RAM 8-16 GB ซึ่งบอกได้เลยครับว่า "เหลือๆ" สำหรับการใช้งาน แต่ที่เป็นไฮไลท์ที่สุดก็คือ NVME SSD ที่สามารถถอดออกได้ และแม้ว่า Microsoft จะบอกว่า ไม่อนุญาตให้เราเพิ่มขนาด SSD ได้เอง แต่ออกแบบมาให้แกะ SSD ได้เพื่อให้ลูกค้าองค์กรสามารถแกะ SSD ซึ่งมีข้อมูลความลับของบริษัทฯ ออกก่อนขาย/ ซ่อมได้ แต่ก็มีคนลองแล้ว ว่ามันก็สามารถซื้อ SSD เพิ่มขนาดมาใส่เองได้ แค่แกะน็อตตัวเดียวเอง


การออกแบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้สามารถเปลี่ยนชิ้นอุปกรณ์ได้มากกว่าในรุ่นเก่าๆ นี้ จัดว่าเป็นการเดินหมากที่แปลกกว่าผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ ในปัจจุบันที่มักจะยกเลิกอะไรพวกนี้ทิ้ง ซึ่งในครั้งนี้ Microsoft Surface ก็ได้รับคำชมที่ดีพอสมควรเลยทีเดียว ทั้ง Surface Pro X และ Surface Laptop 3

Dual 4K external Displays


คุณสมบัติอย่างสุดท้ายนี้ ออกแบบมาเอาใจผู้ใช้งานที่ชอบต่อออกหลายๆ จอเป็นยิ่งนัก ด้วยการที่ Surface Pro X นั้น สามารถรอบรับการต่อออกจอ 4K ได้พร้อมกันถึง 2 จอ เลยทีเดียว ไม่ต้องพูดกันมากเลยนะครับ เพราะในการทำงานหลายๆ อย่าง ยิ่งมีหลายหน้าจอ ยิ่งมี productivity เพิ่มมากขึ้น

สำหรับรายละเอียดที่ยังคาใจผมอยู่นิดนึง คือ Surface Pro X นั้นมี USB-C มาให้ 2 ports แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าการทำ Dual 4K external Displays นั้น สามารถทำได้ด้วยการต่อออกจาก USB-C พอร์ทเดียว (ผ่าน dongle) หรือต้องใช้ทั้งสองพอร์ท เดี๋ยวถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมก็จะมาอัพเดทให้ครับ
ลองดู Surface ใน Lazada


เอาล่ะครับ วันนี้คงพอแต่เพียงเท่านี้ ไว้คราวหน้าผมจะเขียนสรุป performance ของ Surface Pro X กันนะครับ

No comments:

Post a Comment