Search this site

Saturday 2 November 2019

ทำความรู้จักกับ Surface Pro X - part 1


Surface Pro X นั้น เป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดของ Microsoft Surface Line ที่เริ่มวางขายกันในเดือนพฤศจิกายนนี้ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเจ้า Surface Pro X นี้ เป็นอย่างไรกันบ้าง (ผมขออนุญาตไม่ลงตาราง Product spec นะครับ หากันได้อยู๋แล้วแหละเนอะ จะเขียนถึงแหละครับ แต่ไม่ทำเป็นตารางให้ เพราะมีอยู่แล้วเต็ม internet ครับ) 

การจะทำความรู้จักกันนั้น ก็ต้องเริ่มจากวีดีโอเปิดตัวกันก่อนเลย


ทำไมหลายๆ คนถึงเรียกว่า Surface Pro X คือรูปแบบในอนาคตของ Surface Pro

Panos Panay ซึ่งเป็นผู้ดูแล Surface Product นั้นได้กล่าวถึง Surface Pro 7 ว่าเป็นการพัฒนาไปข้างหน้า แต่ว่า Surface Pro X นั้นเป็น "What is next for the 2-in-1" ซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมทั้งในด้าน Mobility, Productivity และ Speed

คนที่ผมรู้จัก โดยเฉพาะเพื่อนต่างชาตินั้น เรียก Microsoft Surface ว่าเป็น Top of the Line of Windows Machine ผมเองเห็นด้วยกับคำนี้อย่างจริงจัง และคิดว่า Surface Product นั้น จะมาพร้อมคุณภาพที่ทุกคนต้องเหลียวมองอย่างจริงจัง

เพราะอะไรบ้างนั้น... เราไปดูกันเลยครับ

Surface Pro ที่บางที่สุด


Surface Pro X นั้น เป็น Surface Pro ที่บางที่สุดที่เคยมีมา โดยหากวัดจากจุดที่บางที่สุดแล้ว จะหนาเพียง 5.3 mm แม้ว่าถ้าวัดจากจุดที่หน้าที่สุดแล้วจะหนา 7.3 mm แต่ก็นับว่าบางกว่า Surface Pro 6/7 ที่หนา 8.5 mm อยู่มากเลย

ลองนึกภาพนะครับ Surface Pro X นั้น ขนาดกว้างคูณยาวเท่ากับ Surface Pro 6/7 แต่ขนาดบางลงมากกว่า 1 mm

ไม่ใช่แค่ความบางนะครับ แต่ Surface Pro X มาพร้อม kickstand แบบเดียวกันกับ Surface Pro ที่สามารถกางออกได้ถึง 165 องศา เพื่อเข้าสู่ Studio mode แบบเดียวกันกับ Surface Pro ด้วยครับ

I/O สารพัดประโยชน์


Surface Pro X นั้นมาพร้อม Surface Connect+ port, USB type C (3.1 gen 2), จำนวน 2 ports โดยที่แถมหัวชาร์จแบบ Surface Connect มาด้วย ซึ่งจะทำให้เราสามารถชาร์จไปและใช้งาน USB-C ทั้งสองพอร์ตไปด้วยพร้อมกันได้ (ผมมองท่านอยู่นะ MacBook Air) และยังรองรับการชาร์จผ่าน USB-C ก็ได้อีกด้วย เผื่อไม่อยากพก Charger หลายๆ อัน (แต่ USB-C charger ต้องรองรับ Power Delivery Standard นะครับ)

ส่วน USB-C นั้น นอกจากใช้ชาร์จแล้ว ก็ยังใช้งานได้สารพัดตามประสา USB-C ไม่ว่าจะเป็น storage, display, Ethernet, etc.

ซึ่งเมื่อรวมเจ้า 3 อย่างนี้เข้ากับ pogo pin (for Type Cover), nanosim slot, Touch & Pen input ด้วยแล้ว ถือว่าครบเครื่องมากๆ เลยครับ

สิ่งที่ขาดไปเพียงอย่างเดียว คือ microSD card slot นั่นเองครับ ซึ่งการมี MicroSD card slot ใน Surface Pro/ Go นั้นสำคัญมากสำหรับในการที่จะใช้เพิ่ม storage ให้กับตัวเครื่องในราคาไม่แพงนะครับ ถ้าบางคนชอบใช้ microSD card แบบผมก็คงจะต้องผิดหวังกันไม่น้อย
ลองดู Surface ใน Lazada

กล้อง 4K พร้อม Studio mics



สำหรับแฟนๆ Surface Pro นั้น น่าจะคุ้นเคยกันดีกับ web cam ที่สามารถถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด Full HD (1080p) ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ซึ่งเมื่อเทียบกับ laptop ด้วยกันแล้วนับว่า ดีกว่า 720p ใน laptop ต่างๆ มาก (Macbook ก็ให้มาแค่ 720p นะครับ) ใครที่เคย video call (เช่น skype หรืออื่นๆ) ผ่าน Surface Pro น่าจะทราบกันดีนะครับ

Surface Pro X นั้นไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น โดย Surface team นั้นออกแบบมาให้ Surface Pro X มอบประสบการณ์ Video call ที่ยอดเยี่ยมด้วยการใส่กล้องที่สามารถถ่ายวีดีโอได้ในระดับ 4K UHD (จากกล้องหลังนะครับ กล้องหน้ายังเป็น 1080p เหมือนเดิม) พร้อมกับ Far field studio microphones 2 ตัวที่จูนมาสำหรับ video call โดยเฉพาะ ทำให้เสียงชัด แม้จะยืนพูดห่างๆ จากตัวเครื่องก็ตาม

และนี่จะทำให้ Surface Pro คงความเป็นผู้นำในเรื่อง Video call ต่อไปยาวๆ

Fast Charging 0-80% ใน 1 hr


ใช่แล้วครับ แบบเดียวกับในสมาร์ทโฟนเลย Surface Pro X นั้น มาพร้อมกับพอร์ท Surface Connect Plus ที่รองรับ fast charging ที่รวดเร็วมาก ไม่มีแล็ปท็อปไหนอีกแล้วที่สามารถชาร์จจาก 0-80% ได้ในเวลา 1 ชั่วโมง

อย่าลืมนะครับว่าในแลปท็อปนั้น มีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าในสมาร์ทโฟนมาก การจะทำให้รองรับการชาร์จแบบนี้ได้นั้น ผมปรบมือให้เลยครับ และ feature นี้จะช่วยให้ power user ที่ใช้งานแอพที่กินไฟเยอะๆ สามารถใช้ Surface Pro X ต่อได้ยาวๆ แม้จะมีเวลาชาร์จไฟเพียงเล็กน้อย

Gigabit LTE advance


แน่นอนว่าการที่ใช้ ARM processor นั้น ทำให้ Surface Pro X รองรับการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 4G ที่ความเร็วสูงสุดถึง 1 Gigabit แบบเดียวกันสมาร์ทโฟนตัวท็อปๆ เลยทีเดียว โดยสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ nanosim และ eSim

ซึ่งการที่ Surface Pro X รองรับ Gigabit LTE นั้น จะช่วยให้การใช้งาน Surface Pro X นอกสถานที่นั้นเป็นไปด้วยความสะดวกสบาย ไม่ต้องหาร้านกาแฟที่มีไวไฟฟรี หรือเชื่อมต่อ hot spot กับมือถือของเราอีกต่อไป อยากใช้งานอะไรที่ไหน เมื่อไหร่ แค่มีสัญญาณมือถือ ก็ใช้ได้ทันที

อันนี้สำหรับผมจัดว่าเป็น USP หรือ Unique Selling Point ของ Surface Pro X อย่างหนึ่งเลยนะครับ เพราะนอกจากความสามารถนี้จะหาได้ยากใน laptop/ notebook แล้ว ราคามันยังแพงกว่ารุ่นปกติมากๆ แต่การที่ Surface Pro X ใช้ ARM chip ก็จะทำให้ laptop ที่มี Gigabit LTE นั้น มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากๆ
ลองดู Surface ใน Lazada

อ่านต่อ part 2 ที่เน้นอีกหลายเรื่องที่เป็น Unique Selling points ของ Surface Pro X ได้ที่นี่ครับ ^^~

2 comments: