Search this site

Tuesday, 18 December 2018

Dark mode everything - ลองหรือยังกับดาร์กโหมดต่างๆ ใน WIndows 10 v1809, Office 365, Outlook


สวัสดีครับ วันนี้ผมจะขอมาพูดถึง dark mode สำหรับแฟนๆ Windows 10 สายดาร์ก (ผมเอง ^^) ว่ามันมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาเยอะมาก และทำให้ประสบการณ์การใช้งาน Dark mode นั้น เนียนกว่าเดิมมาก และมันมาพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น Windows 10 v1809, Office 365, Outlook web app เรามาดูกันดีกว่าครับ

Dark mode - ทำไมต้องสายดาร์ก

Windows 10 นั้นออกแบบมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีการแสดงผลในหน้าจอสมัยใหม่ ที่คมชัด มี contrast สูงๆ สีดำจะดำสนิท สีขาวจะขาวจั๊วะ และหน้าจอก็สว่างมากกว่าสมัยก่อนมาก อย่าง IPS LCD หรือ AMOLED ซึ่งข้อดีของหน้าจอเหล่านี้ คือ ความคมชัด และสีสันตรงความจริง อย่างไรก็ตาม หากใช้งานในที่แสงค่อนข้างน้อยเป็นเวลานาน หลายๆ คนจะพบว่ามันทำให้ปวดตา ตาพร่า ก็ว่าไป จึงเป็นที่มาของการพยายามสร้าง Dark mode ขึ้นใน Windows 10 ตั้งแต่ไหนแต่ไร อย่างไรก็ตาม Dark mode ของ Windows 10 นั้น เป็นที่รู้กันว่ามัน "ครึ่งๆ กลางๆ" มากมาย อย่างเช่น File explorer ที่ยังคงขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะมาหลายปี เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไป ในปลายปี 2018 นี้กับ Windows 10 v1809, Office 365, Outlook web app เป็นอย่างไรบ้างเรามาดูกันดีกว่าครับ

Windows Explorer Dark mode


ใน Windows 10 v1809 นี้ หากเราตั้งค่าให้ Windows 10 ของเราเป็น dark mode >อ่านวิธีที่นี่< Windows จะเปลี่ยน File explorer ของเราให้เป็น Dark mode อย่างสมบูรณ์ ซึ่งผมได้ลองใช้แล้วพบว่าไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับ version แรก ไอคอนต่างๆ และตัวอักษรมองเห็นได้ชัดเจน (เรื่องนี้สำคัญมาก dark mode ที่ไม่ดีจะปวดตากว่าเดิม) แต่ยังรู้สึกว่าเป็น dark mode ที่ 'too colourful' ไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับ dark mode ในส่วนอื่นๆ ของ Windows

Office 365 Black theme


หากใครใช้ Office 365 คงได้รับ update นี้กันไปแล้วนะครับ เป็น version ใหม่ (ผมเข้าใจว่ามัน คือ Office 2019 - หากผิดท้วงติงได้เลยครับ) ซึ่งมี Home page ใหม่ที่ดูง่ายขึ้น และ optimised ให้เหมาะกับ touch screen มากขึ้นอีกด้วย ส่วนตัวผมคิดว่า Dark mode (เรียกว่า Black theme ครับ) นี้ทำออกมาดีมาก เพราะทำออกมาเป็นสีเข้มมาก และตัวอักษรสีขาว บวกกับ theme สีเอกลักษณ์ตามโปรแกรมนั้นๆ เช่น Word สีน้ำเงิน Excel สีเขียว Powerpoint สีส้ม เป็นต้น



ใช้แล้วติดใจจริงๆ ครับ อ้อ เวลาใช้ผมจะไปปรับพวก page colour ให้เป็นสีเข้มๆ ด้วยนะครับ จะได้ไม่แสบตาเฉพาะจุด หากต้องส่งไปเป็นพื้นหลังสีขาวค่อยเอกออกทีหลัง
  
Outlook web app Dark mode


 อีกหนึ่ง Dark theme ใหม่ จาก Outlook.com นะครับ ซึ่งปัจจุบันคนที่ใช้ Windows 10 น่าจะมี Microsoft account กันแล้ว (ถ้ายังไม่มี ผมแนะนำให้มีนะครับ และการใช้ Outlook ก็เป็นทางเลือกที่ดี ยิ่งถ้าใช้ Office 365 แล้ว จะได้ Outlook.com premium ด้วยครับ)

ใน Outlook.com ใหม่นี้ เราสามารถ setting ให้เป็น dark mode ได้ครับ ซึ่งทำออกมาได้สวยและกลืนกับ Office 365 ใหม่มากๆ สงสัยว่าจะเป็นทีมเดียวกัน สิ่งที่ผมชอบมากที่สุด และมันสร้างความแตกต่างเลยจริงๆ คือ reading panel ที่ก็เป็น dark theme ด้วย แหม มันช่างสบายตาเสียจริง

หมายเหตุ... นี่เป็นประสบการณ์จากความชอบ dark mode ส่วนตัวของผมเอง ^^ ใครมีความคิดเห็นอย่างไร แชร์ไว้ได้นะครับ

Wednesday, 5 December 2018

ขอให้ทำกันแบบนี้ทุกแบรนด์ - ความป๋าในการดูแลลูกค้าของ Surface Thailand


สวัสดีครับ วันนี้ผมจะขอมาแบ่งปันเรื่องราวดีดีที่ผมได้ไปรับทราบมาจากเพื่อนในกลุ่ม Facebook นะครับ เป็นเรื่องที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างของหลายๆ แบรนด์ในการดูแลลูกค้าในเมืองไทย เรียกว่าแชร์ความดีแล้วกันครับ โดยการเอาเรื่องราวมาลงนี้ ผมขออนุญาตไม่เอ่ยนามเจ้าของเรื่อง แต่เจ้าตัวได้อนุญาตให้ผมเอาเรื่องราวมาเผยแพร่แล้วนะครับ


ปัญหาของ Surface Pro 4 ที่พบในครั้งนี้ คือ การที่แบตมันบวมดันหน้าจอออกมาครับ ในรูปด้านบน คือในวันที่สังเกตเห็นครั้งแรก และบวมขึ้นเร็วมาก ในวันต่อมา กลายเป็นแบบด้านล่างครับ


เจ้าของเครื่องก็เป็นกังวลมากนะครับ เพราะเครื่องใช้มาเกือบสามปี เลยระยะเวลาประกันมานานแล้ว หากทางผู้ผลิตจะไม่รับผิดชอบใดๆ ก็คงไม่แปลกอะไร อย่างไรก็ตาม มีเพื่อนๆ ในกลุ่ม Facebook Surface Thailand ได้บอกให้ลองติดต่อ Surface support ของทาง Microsoft Thailand ดู ซึ่งผมต้องให้เครดิตตรงนี้ด้วยครับ

ซึ่งแน่นอน ทางเจ้าของเครื่องก็ได้รีบติดต่อไปทาง Surface support Thailand แล้วก็ได้รับบริการที่คาดไม่ถึง ตามรูปเลยครับ


  • ไม่มีให้เจ้าของเครื่องต้องรอการตรวจสอบ ไม่ต้องมีการเอาเครื่องเก่ากลับไปตรวจสอบก่อน (เข้าใจว่าเป็นเฉพาะในกรณีนี้นะครับ หลายเคสยังคงต้องมีการส่งเครื่องกลับไปตรวจสอบครับ)
  • Surface support ของทาง Microsoft Thailand ได้จัดส่งเครื่องใหม่มาให้ทันที บริการไวมาก
  • เครื่องเก่า... ไม่เอาคืนแล้ว...
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

และเจ้าของเครื่องก็ได้เครื่องเคลมมาใหม่แบบในรูปด้านล่างนี้นะครับ


ทั้งหมดนี้ ผมต้องการจะแชร์ว่า บริการดีๆ แบบนี้นั้น คนในต่างประเทศ อย่าง อเมริกา ยุโรปตะวันตก เขาได้รับบริการแบบนี้กันจนเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหากับแบตเตอรี่ ซึ่งผมต้องให้เครดิต Surface team ที่นำเอาบริการแบบนี้เข้ามาในประเทศไทย ขอให้รักษาความดีแบบนี้ไว้นานๆ ด้วยนะครับ

จากผมนะครับ... ประสบการณ์การเคลมของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน ขึ้นกับปัญหาของเครื่องนั้นๆ นะครับ โดยเฉพาะเรื่องการตรวจเช็คนี่ ถ้าไม่ตรวจเช็คเลยนี่ผมก็คิดว่ามันก็เกินไป แต่เคสนี้นี่มันอาจจะอันตรายขณะขนส่งด้วยซ้ำ ดีแล้วที่เค้าตัดสินใจแบบนี้

Sunday, 25 November 2018

การเลือก Notebook/ Laptop - เลือกที่มี Precision Touchpad ดีกว่า

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำการเลือก Notebook/ laptop เพิ่มเติมจากที่เคยเขียนไว้นะครับ (ที่นี่) โดยจะขอเน้นสิ่งที่หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยได้ใส่ใจกัน แต่มันสำคัญมากๆ กับประสบการณ์ในการใช้ Notebook/ laptop ซึ่งก็คือ Touchpad นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบัน ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า Microsoft Precision Touchpad อีกแล้ว

ทำความรู้จักกับ Microsoft Precision



เป็นที่รู้กันว่า Apple MacBook นั้น เป็นผู้นำในเรื่องของ Trackpad มาเป็นเวลานาน และจุดนี้แหละ คือความแตกต่างระหว่าง MacBook และ Windows laptops จริงๆ ทำให้ Microsoft เริ่มที่จะสร้าง standardised Touchpad ในสมัย Windows 8.1 โดยเริ่มนำมาใช้กับ Surface Pro 2

ใน Windows 10 ปัจจุบันนั้น Precision ประกอบไปด้วย standardised drivers และ gestures ต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์ในการใช้ Touchpads ให้มีการตอบสนองที่ลื่นไหล แม่นยำ และสม่ำเสมอมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม Microsoft ไม่ได้กำหนดมาตรฐานตายตัวสำหรับ hardware ที่จะมาใช้งานกับ Precision drivers ซึ่งทำให้ผู้ผลิต laptop แบรนด์ต่างๆ สามารถเลือกใช้ hardware ที่เหมาะกับเกรดของ laptop ที่ตนต้องการได้

Microsoft เอง ใช้ Precision touchpad กับ Surface devices ตั้งแต่ Surface Pro 2 และพัฒนามาจนกระทั่งเป็นที่ยอมรับกันในทุกวันนี้ว่า Surface Book 2, Surface Laptop 2, Surface pro 6, และ Surface Go มี Touchpads ที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Windows laptops/ notebook

อย่างไรก็ตาม Precision ไม่ใช่เป็นอะไรที่เป็น exclusive สำหรับ Microsoft devices แต่เป็นอะไรที่ Microsoft อยากให้ OEM ทั้งหลายใช้งานกัน โดยมี Dell, Lenovo, Razer, Samsung, MSI, Acer ล้วนแล้วแต่ใช้ Precision Touchpad เป็นหลักใน Laptops ของตนเป็นหลักกันหมดแล้ว

HP laptop ดูดีๆ ก่อนซื้อ

 ในปี 2018 นี้ จะเหลือ Windows OEM รายใหญ่อยู่แค่รายเดียว คือ HP ซึ่งแม้แต่ใน Spectre laptops ซึ่งจัดเป็น premium comsumer laptops ของ HP ก็ยังใช้ Synaptics อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าประสบการณ์นั้นสู้ Precision touchpad ไม่ได้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ใน Business grade HP laptop อย่าง EliteBooks กลับใช้ Precision แล้ว

HP ครับ ผมขอเรียกร้องให้ใช้ Precision touchpad ใน laptops เถอะครับ มันต่างกันมากจริงๆ

ผมคงจะไม่พูดมากไปกว่าที่ว่า หากจะซื้อ HP laptop แล้ว ควรดูให้ดีนะครับว่า Laptop นั้น ใช้ Precision หรือไม่นะครับ

อ้อ แต่หากซื้อ laptop ที่ใช้ Synaptics หรือ Elan มาแล้ว มันมีวิธีลง Precision drivers อยู่นะครับ ไว้วันหลังผมนำวิธีการมาสรุปลงให้นะครับ

สุดท้ายนี้... ปัจจุบัน Precision คือมาตรฐานหนึ่งเดียว

Touchpad สำหรับผมนั้น จัดว่าเป็นอุปกรณ์หลักที่ผู้ใช้งานจะต้องใช้เป็นประจำ หาก Touchpad ไม่ดี ก็จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกแย่ไปด้วย ผมเห็นว่า Windows OEM ควรเลือกใช้ Precision เป็นมาตรฐาน และหากมีอะไรที่พัฒนามาแล้วทำได้ดีกว่า Precision ก็ค่อยมาว่ากัน แต่ทุกวันนี้ Precisionn ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ Microsoft ผู้พัฒนา Windows เป็นผู้พัฒนาเอง และใช้งานได้ดีมากๆ ทำให้ผมเองไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นใดๆ ที่จะยังใช้ Synaptics หรือ Elan กันอยู่ โดยเฉพาะ Laptop ในระดับราคากลางๆ ขึ้นไปนะครับ


Thursday, 22 November 2018

Windows update มีปัญหา? อาจแก้ได้ด้วยการล้าง Windows update cache

สวัสดีครับ วันนี้ผมมีคลิปวิธีการล้าง Windows update cache มาฝากกันครับ (จริงๆ ก็ของผมนี่ล่ะ ^^) สำหรับคนที่ทำ Windows update แล้วไม่ผ่าน จะหยุดก็ไม่ได้ จะไปต่อก็ไม่ได้ Windows มันก็ทำงานวนๆๆๆ อยู่อย่างนั้น เอาจริงๆ มีวิธีการแก้ไขอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกด troubleshoot ใน Settings เอย การล้าง Cache เอย การใช้ update assistant เลย หรือแม้แต่การไปโหบดมาลงเองเลยก็มี แต่คลิปนี้จะเน้นไปที่การหยุดไอ้การทำงานแบบวนลูปที่ว่านี้ แล้วไปลบ cache ออก ซึ่งผมเห็นว่าน่าจะช่วยหลายๆ คนได้ดีนะครับ

ลองดูครับ ขอให้อัพเดทผ่านกันทุกคนนะครับ


Monday, 1 October 2018

วิเคราะห์ การใช้งาน Surface Go ทั้งสองรุ่น

สวัสดีครับ จากที่ผมได้ไปทดลองใช้ Surface Go มาและพบว่าประทับใจมากๆ วันนี้จะมาทำตามสัญญาที่ว่าจะมาเขียนถึง Performance ของ Surface Go ให้อ่าน/ ชมกันนะครับ

ก่อนอื่นเลยขอบอกว่า นี่เป็น review of reviews เพราผมเองนั้นตัดสินใจว่า จะยังไม่เอา Surface Go มาแทนที่ Surface 3 ของผมในตอนนี้ โดยจะขอรอดูรุ่น LTE ก่อน ดังนั้น ในวันนี้ ผมจะขอรวบรวม review จาก YouTube ดีดีมาฝากกันนะครับ เพราะถึงแม้จะมีคน review Surface Go กันเต็มไปหมด แต่เอาจริงๆ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ Surface devices จริง มีการถ่ายภาพการทำงานจริงๆ จากหน้าจอมาลง YouTube และมีการ review ครบทั้งสองรุ่นจริงๆ เพื่อให้คนที่สนใจ Surface Go มาไล่ดูในเพจนี้แค่เพจเดียว ก็จะได้ไอเดียในการใช้งานของ Surface Go ว่าเป็นอย่างไร

อย่างแรกเลย Surface Go นั้น จะมี สองรุ่นนะครับ ผมขอเรียกว่ารุ่น 4-64 และรุ่น 8-128 แล้วกันครับ
  • รุ่น 4-64 นั้นจะมาพร้อมกับ RAM 4GB และ eMMC storage 64GB
  • รุ่น 8-128 นั้นจะมาพร้อมกับ RAM 8GB และ SSD storage 128GB

ซึ่ง review units ที่ Microsoft ส่งไปให้ YouTubers ต่างๆ นั้น จะเป็นรุ่น 8-128 ทั้งหมด การจะหา review รุ่น 4-64 นั้นจะยากสักหน่อย แต่ผมก็หามาฝากกันได้พอสมควรครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า


Full Review of Surface Go 8-128


Windows Central เลือกที่จะ review Surface Go โดยเน้นการใช้งานนอกสถานที่เป็นหลัก ซึ่งผมนับว่าเป็น use case หลักของ Surface Go เลย โดยให้ความเห็นว่าการใช้งานเป็นที่น่าพอใจมาก และทำให้วินโดวส์นั้น "Fun to use" และหากเทียบ benchmark กับ Surface 3 แล้ว จะพบว่าประสิทธิภาพดีกว่าถึง 2 เท่า และสามารถเล่นเกมส์ทั่วๆ ไปได้บ้าง

และการที่ CPU ไม่มี turbo boost นั้น ทำให้ battery life ทำได้ใกล้เคียงกับที่ Microsoft ระบุไว้ คือ 9 hr มากกว่าเดิม โดยในรีวิวนี้ระบุว่า อยู่ได้ถึง 7-8 hr เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังตอบคำถามเรื่อง Windows Hello face recognition ว่าสามารถใช้ใน portrait mode ได้ด้วยครับ แต่แนะนำให้ทำการ improve recognition สักสองสามครั้งทั้งใน landscape / portrait mode

อย่างไรก็ตาม Daniel Rubino ไม่แนะนำให้ advance user ใช้ Surface Go เป็นเครื่องหลักนะครับ เพราะมันไม่แรงเท่าไหร่และหน้าจอเล็ก แต่แนะนำให้เป็นเครื่องรองเพื่อใช้งานนอกสถานที่ครับ

Review of Surface Go 4-64


Windows Central เลือกที่จะ "ซื้อ" Surface Go 4-64 มาเพื่อ review เองเลย โดยใช้รุ่นนี้ในการใช้ Photoshop Elements ใช้ Edge browser โดยเปิดหลายๆ tabs เล่นเกมแบบปรับ graphic ต่ำๆ

มาคราวนี้ มีการแอบหลอกผู้ชมด้วยว่าใช้รุ่น 8-128 แต่จริงๆ มาเฉลยว่าใช้รุ่น 4-64 นั่นเอง ซึ่งจากในคลิป ถือว่าทำได้ดีไม่น้อยเลย ไปดูกันเองเลยจะดีกว่าครับ สำหรับ performance ของรุ่น 4-64

Surface Go 8-128 กับการใช้ Adobe Premiere Pro



บางครั้ง Video ดีๆ ก็มาจากช่องที่ไม่ใช่ช่องเทคโนโลยี

Hiker J ต้องการใช้ Surface Go ในการตัดต่อวีดีโอนอกสถานที่เพื่อ upload ขึ้นช่อง YouTube ของตน

ไปดูกันเองเลยว่าลื่นขนาดไหน ใครว่า Pentium Gold ใช้ Premiere Pro ไม่ได้
  • Preview ลื่น ไม่ lag
  • Export ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีต่อ 1 นาทีในคลิปเท่านั้น!

Hiker J ตัดต่อที่ 720p นะครับ (ช่อง YouTube ของ Hiker J อัพโหลดที่ 720p60) แต่เจ้าตัวมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้ลองใช้ตัดต่อ 1080p 60 แล้ว ก็ไม่พบว่ามี lag, heat, crash นะครับ

Surface Go 8-128 กับการเล่นเกม Doom (2016)




แม้ว่า Surface Go ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเล่นเกม แต่มันก็โอเคอยู่นะครับ เรื่องที่น่าสนใจ คือ
  • Install Doom ใน 128GB SD card (ซึ่งทำให้โหลดนาน - แน่ล่ะ)
  • Resolution 900 x 600
  • FPS: 30
  • Plugged in
  • Best performance option
  • ติดตั้งพัดลมเพิ่มเติม

ถือว่าไม่เลวเลยครับ น่าจะเพราะ Graphic card Intel HD 615 นั่นเอง (มันแรงกว่า GPU ของ Surface Pro 4 อีกนะครับ)

เอาล่ะครับ วันนี้ก็คงหอมปากหอมคอเท่านี้ก่อน ใครสนใจ Surface Go สามารถเข้าไปดูได้ตาม link ด้านล่างนี้นะครับ (affiliate link)

ลองดู Surface Go ใน Lazada

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Surface Go
>ทำความรู้จักกับ Surface Go
>Surface Go hands on



Friday, 28 September 2018

Surface Go Hands On - ไปสัมผัสมาแล้วครับ


สวัสดีครับ บทความเรื่องทำความรู้จักกับ Surface Go ที่ผมเขียนถึงในวันก่อนได้รับความนิยมมากพอสมควร และตามที่ผมเคยได้สัญญาไว้ว่า จะมาเขียนให้อ่านกันเพิ่มเติมนั้น เนื่องจากผมได้ไปทดลองสัมผัสเครื่องจริงมาแล้ว และจะขอนำมาแชร์ให้ได้อ่าน/ ชมกันครับ

Hands On video

ผมได้ไปทดลองใช้เครื่องนี้ที่ BananaIT ชั้น 3 EmQuartier แล้วประทับใจกับมันมากครับ ลองชมกันได้ในคลิปนี้กันเลยครับ



จะเห็นได้ว่า Surface Go (ในที่นี้คือรุ่น RAM 8GB SSD 128GB) มีประสิทธิภาพที่ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการเปิดปิดแอพอย่าง Edge, MS Office หรือแม้กระทั่งการเรนเดอร์วีดีโอขั้นพื้นฐานทั่วๆ ไปโดยใช้ Photo app ที่มากับเครื่อง ส่วนที่ผมคิดว่าผมคงต้องปรับตัว กลายเป็นเจ้า Type Cover ที่ผมรู้สึกว่าปุ่มมันนิ่มเกินกว่าที่ผมชอบไปซักหน่อย (เทียบกับ Surface 3 Type Cover ที่ผมใช้ในปัจจุบันครับ) ทำให้เวลาพิมพ์แล้วไม่รู้สึกว่า "ได้อย่างใจ" นัก แต่ผมเองก็เคยรู้สึกอย่างนี้ตอนเริ่มใช้ Surface 3 Type Cover นะครับ สักพักก็ชินไปเองและกลับมาพิมพ์ได้เร็วดังใจเหมือนเดิม

เอาล่ะครับ วันนี้ก็คงหอมปากหอมคอเท่านี้ก่อน ใครสนใจ Surface Go สามารถเข้าไปดูได้ตาม link ด้านล่างนี้นะครับ (affiliate link)

Sunday, 2 September 2018

Intel Core gen 8 สำหรับ ultrabook และ 2-in-1 ที่มาพร้อม Gigabit WIFI



สวัสดีครับ ผมได้เคยเขียนบทความเพื่ออธิบายความสับสนงุนงงของการเรียกชื่อ Core i3, i5, i7 อะไรพวกนี้ของ Intel ไปเมื่อปีที่แล้ว หากยังไม่ได้อ่าน สามารถไปอ่านกันได้นะครับ มันเกี่ยวข้องกับที่ผมจะเขียนวันนี้พอสมควร เพราะตอนที่ผมเขียนบทความนั้น Intel เพิ่งเปิดตัว Core series gen 7 ได้ไม่นาน ครั้นจะเขียนเพิ่มตอน gen 8 เปิดตัว ก็ดันค่อยๆ เปิดตัวแบบลักปิดลักเปิด ค่อยๆ มาทีละตัวสองตัว แถมมี gen 8 พวก Kaby lake refresh อีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ branding ของ Intel ยิ่งสับสนเข้าไปทุกที เลยตัดสินใจว่า "นิ่งเสียตำลึงทอง" จะดีกว่า แม้ว่า Coding จะยังใช้หลักการเดิม แต่ความหมายของมันไม่ได้เป็นแบบเดิมไปเสียทั้งหมด ดังนั้น บทความเดิมที่ผมเขียนเรื่อง Coding จึงยังสามารถช่วยเราได้พอสมควรในการ "มองเผินๆ" เท่านั้น



อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 28 August 2018 นี้ Intel ได้เปิดตัว Intel Core gen 8 ที่น่าสนใจมาก เนื่องจากมีการฝัง integrated gigabit WIFI มาด้วยเลย โดยแบ่งเป็น U series และ Y series



เรามาดูกันครับว่ามีอะไรดีๆ บ้าง




U series - i3, i5, i7 (i3-8145U, i5-8265U, i7-8565U) - Codename: Whiskey Lake



Intel ระบุว่า U series ทั้งสามรุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับ Laptop และ 2-in-1 โดยเฉพาะ เพราะมันมีความพิเศษ คือ Intel ใส่ Integrated Gigabit WIFI มาด้วยเลย (ทำตัวคล้ายๆ ARM เข้าไปทุกวัน) ซึ่ง Gigabit WIFI นี่ก็หมายความว่า PC ที่ใช้ชิพเซ็ทนี้ จะสามารถรองรับ WIFI ที่เร็วได้สูงสุดถึง 1 Gbps หรือ 1000 Mbps เลยทีเดียว ซึ่งใครที่มีเน็ทบ้านแรงๆ มี WIFI router แรงๆ จะถูกใจมากทีเดียว



นอกจากนี้ชิพเซ็ทนี้ยังเป็นชิพเซ็ทที่ประหยัดพลังงานกว่าเดิม ซึ่ง PC ที่ใช้ชิพเซ็ทนี้ อาจจะสามารถออกแบบให้ใช้งานบนแบตเตอรี่ได้นานถึง 16 - 19 hr



สำหรับเทคโนโลยีการแสดงผล ชิพเซ็ทนี้ได้เพิ่มการรองรับมาตรฐาน Dolby Vision HDR ซึ่งเมื่อรวมกับ Dolby Atmos Immersive audio ด้วยแล้ว ก็น่าจะทำให้ PC ของเรากลายเป็นฐานทัพความบันเทิงของครอบครัวได้เลย



Y series - m3-8100Y, i5-8200Y, i7-8500Y - Codename: Amber Lake



สามารถรองรับ Gigabit WIFI เช่นเดียวกับ U series (แต่เข้าใจว่าไม่ได้ใส่มาให้ด้วยนะครับ) และรองรับ eSIM รวมถึงจะทำให้ PC มีความแม่นยำของระบบสัมผัสและปากกา สำหรับอุปกรณ์ที่มีระบบ touch and pen ที่ดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ชิพเซ็ทรุ่นนี้ยังทำให้สามารถออกแบบ PC ที่มีความบางกว่า 7 mm และเบากว่า 0.45 kg (1 pound) ได้เลยทีเดียว



โดยเราน่าจะเริ่มเห็น laptop และ 2-in-1 ทยอยเปิดตัวด้วยชิพเซ็ทนี้กันเป็นทิวแถวแน่นอนครับ เพราะหลายๆ เจ้าก็อั้นมานานแล้ว วันนี้ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้แล้วกันครับ





Source: Intel

Friday, 24 August 2018

มาทำความรู้จักกับ Microsoft Surface Go กันเถอะ



Surface Go นั้น เป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดของ Microsoft Surface Line ที่เริ่มวางขายกันในเดือนสิงหาคมนี้ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเจ้า Surface Go นี้ เป็นอย่างไรกันบ้าง (ผมขออนุญาตไม่ลงตาราง Product spec นะครับ หากันได้อยู๋แล้วแหละเนอะ จะเขียนถึงแหละครับ แต่ไม่ทำเป็นตารางให้ เพราะมีอยู่แล้วเต็ม internet ครับ)

การจะทำความรู้จักกันนั้น ก็ต้องเริ่มจากวีดีโอเปิดตัวกันก่อนเลย

ทำไมหลายๆ คนถึงเรียกว่า Surface Go คือ Baby Surface Pro


Panos Panay ซึ่งเป็นผู้ดูแล Surface Product นั้นได้กล่าวถึงในคลิปว่า ต้องการให้ Surface Go นั้น มีทุกอย่างเหมือนกับ Surface Pro ใครอยากดูคลิปก็สามารถดูได้จากคลิปนี้นะครับ

คนที่ผมรู้จัก โดยเฉพาะเพื่อนต่างชาตินั้น เรียก Microsoft Surface ว่าเป็น Top of the Line of Windows Machine และสำหรับผมเอง แม้ Surface Go จะเปิดตัวมาในราคาย่อมเยา (ประมาณ 15,000 บาท) แต่มาในคุณภาพที่ทุกคนต้องเหลียวมองจริงจัง

เพราะอะไรบ้างนั้น... เราไปดูกันเลยครับ

10" PixelSense Display



Surface Go มาพร้อมหน้าจอ PixelSense ขนาด 10 นิ้ว ที่ความละเอียด 1800 x 1200 pixel ที่ Colour calibrated มาแล้วจากโรงงาน

เป็นที่รู้กันว่าหน้าจอ PixelSense ของ Microsoft นั้นให้สีที่ตรงมาก มีค่า sRGB ที่ใกล้เคียง 100% มากๆ เวลาจะใช้ในงานที่ต้องการให้สีมีความตรงกับความเป็นจริงนั้นก็สามารถใช้ได้เลย ไม่ต้อง Calibrate ใหม่

Built for Office 365 สร้างมาเพื่อใช้ Office



Surface Go นั้นสามารถใช้ Office 365 ตัวเต็มได้นะครับ ไม่ใช่ version Mobile โดยจะมี Office 365 pre-installed มาให้เลย ใครที่ใช้ Office 365 อยู่แล้วก็แค่ Login แล้วก็เริ่มใช้งานได้เลยครับ

นอกจากนี้ การที่มีอัตราส่วนหน้าจอ 3:2 นั้น ทำให้ Surface products มีส่วนสูงมากกว่า laptop ทั่วๆ ไปที่มีอัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9 อยู่ประมาณนึง อัตราส่วนหน้าจอนี้ผมชอบมากๆ เพราะมันเหมือนสมัยเมื่อสัก 10 ปีก่อนที่อัตราส่วนหน้าจอ laptop จะสูงๆ แบบนี้แหละ แม้ว่าเวลาดู YouTube มันจะมี Black bar แต่เวลาทำงาน Microsoft Office นั้น ถ้าอัตราส่วนหน้าจอเป็น 16:9 แล้ว มันจะมีพื้นที่ให้ทำงานน้อยมากๆ แค่ Ribbon menu ก็กินพื้นที่ไปเกือบหมดแล้ว ทำให้เวลาทำงาน Word/ Excel นั้นเราจะมีมุมมองที่กว้างขึ้น และทำงานได้สบายขึ้นมากเลยครับ

Kickstand ที่แปลงเป็น Studio mode ได้



Kick stand นั้นเป็นจุดเด่นที่สำคัญของ Surface line และ Surface Go ก็ได้นำ Surface Pro kick stand ที่สามารถกางออกได้ถึง 165 องศา ที่จะช่วยให้ Surface Go ของเราเปลี่ยนเป็น Studio mode ได้

อ้อ Kick stand นี้เป็น Unlimited position kick stand ด้วยนะครับ คือจะเปิดไว้ที่กี่องศาก็ได้หมด ปรับแต่งได้ตามที่เราชอบ

Best Pen Experience ปากกาใช้ดีตลอดปี ไม่เสียเวลาชาร์จ



Surface Go นั้น มีหน้าจอ touch screen ที่รองรับ pen input โดยสามารถรองรับความละเอียดได้ถึง 4,096 ระดับ และรองรับ tilt detection เช่นเดียวกับ Surface Pro ครับ

ปากกา Surface Pen (ต้องซื้อแยก) นั้น เราสามารถซื้อมาให้เข้าชุดกับสี type cover ได้อีกต่างหาก หรือจะซื้อมาให้เข้าชุดกับสีของตัวเครื่อง (Platinum) ก็ได้ โดย Surface Pen นั้น จะทำงานโดยใช้ถ่าน AAAA จำนวน 1 ก้อนและจากที่ผมเคยใช้เองนั้น ถ่านจะมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 1 ปี สามารถซื้อถ่านได้ตามร้านที่มี Surface ขายนั่นแหละครับ ราคา 2 ก้อน ประมาณ 80 บาทเท่านั้น ซึ่งการเลือกใช้ถ่านก้อนแบบนี้ ทำให้หมดปัญหาที่ว่า พอจะใช้ปากกา แต่ลืมชาร์จ หรือวันไหนใช้งานปากกาเยอะ ถ่านหมด ต้องหยุดใช้ และเสียบชาร์จ ซึ่งผมชอบกว่านะ

วิธีการดู %battery ก็ดูได้จาก Surface app ในเครื่องนั่นล่ะครับ

Snap on Type Cover คีย์บอร์ดที่มีความสูงชันช่วยในการพิมพ์



เช่นเดียวกับ Surface Pro น้อง Go ของเราก็มี Type Cover ที่สามารถตั้งให้เป็นมุมขึ้นมา เพื่อให้เหมาะกับการพิมพ์มากยิ่งขึ้นเช่นกัน การที่สามารถยกให้สูงขึ้นนี้ ช่วยให้การพิมพ์ทำได้ดีขึ้นมาก หากใครอยากรู้ ลองเทียบการพิมพ์กับ iPad Pro keyboard ดูได้ครับ มันจะทำได้ดีกว่ามาก ทั้งความเร็ว และความแม่นยำ

สิ่งที่แลกมากับกาารมี Snap on Type Cover นี้ คือขอบหน้าจอที่หนา เพื่อให้มีพื้นที่ตรงนี้เพียงพอ ซึ่งหากเน้นเรื่อง keyboard แล้ว เรื่องนี้คุ้มมากครับ

Precision Trackpad ที่ใหญ่ และดีมาก



Surface Go นั้นมาพร้อมกับ Precision Trackpad ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดของตระกูล Windows ในขณะนี้ แถมยังมีขนาดใหญ่กว่า Trackpad ของ Surface Pro (ที่หน้าจอ 12.3") อีกต่างหาก ใช้กันสบายๆ เลย

Responsive keyboard คีย์บอร์ดที่พิมพ์สบาย ตอบสนองดี



นอกจาก Type Cover จะทำให้แป้มพิมพ์ของเราสูงต่ำช่วยในการพิมพ์แล้ว ใครจะรู้ว่าเจ้า Type Cover บางๆ นี้ ได้ออกแบบมาให้ทุกๆ ปุ่มบนแป้นพิมพ์มีระยะกดถึง 1 mm ซึ่งจัดว่ามากกว่า MacBook Pro ที่เครื่องใหญ่กว่าหนากว่าเสียอีก การที่มีระยะกด 1 mm นี้ จะช่วยให้การพิมพ์มีการตอบสนองที่ดี และการผิดพลาดน้อยลงครับ

อ้อ Microsoft อธิบายว่าปุ่มของ Surface Go Type Cover เป็น Moving (Mechanical) keys ด้วยนะครับ

RAM up to 8 GB, Storage up to 128 GB SSD หมดยุคเครื่องเล็กสเปคต่ำ



หมดยุคเครื่องเล็กสเปคต่ำแล้ว Surface Go มาพร้อมกับ RAM เริ่มต้น 4 GB ซึ่งบอกได้เลยครับว่า "เหลือๆ" สำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ก็สามารถเลือกได้ว่าจะเอา 8 GB ซึ่งเยอะ ไม่แพ้เครื่องที่ใช้แต่งรูปของพวกช่างภาพกันเลยทีเดียว

ส่วน storage นั้น มีให้เลือกว่าจะเอา 64 GB (เป็น eMMC รุ่นใหม่ ที่เร็วพอตัว) หรือจะเอา 128GB (เป็น SSD) และสามารถเพิ่มความจุได้ด้วย MicroSD card

สำหรับ CPU นั้น จะใช้เป็น Pentium Gold 4415Y (1.6 GHz) นะครับ ตัวนี้จริงๆ แล้วคือ Core M3 gen 7 ที่ตัด turbo ทิ้งนั่นเอง แต่สิ่งที่ไม่ตัดทิ้งไปด้วย คือ การ์ดจอ on board ครับ ได้ Intel HD 615 กันไปเลย เรียกได้ว่า CPU อ่อนลงหน่อย แต่ GPU ได้เท่าเดิม และจุดนี้เอง ที่จะทำให้ Surface Go มีประสิทธิภาพเกือบเท่า Core M3 เลยครับ สำหรับการเล่นเกม

I/O สารพัดประโยชน์



Surface Go นั้นมาพร้อม Surface Connect port, USB type C (3.1), และ headphone jack โดยที่แถมหัวชาร์จแบบ Surface Connect มาด้วย ซึ่งจะทำให้เราสามารถชาร์จไปและใช้งาน USB-C ไปด้วยพร้อมได้ (ผมมองท่านอยู่นะ MacBook 12") และยังรองรับการชาร์จผ่าน USB-C ก็ได้อีกด้วย เผื่อไม่อยากพก Charger หลายๆ อัน (แต่ USB-C charger ควรมีความแรงอย่างต่ำ 24W นะครับ)

ส่วน USB-C นั้น นอกจากใช้ชาร์จแล้ว ก็ยังใช้งานได้สารพัดตามประสา USB-C ไม่ว่าจะเป็น storage, display, Ethernet, etc.

ซึ่งเมื่อรวมเจ้า 3 อย่างนี้เข้ากับ pogo pin (for Type Cover), MicroSD expansion, Pen input, Face authentication, 5M + 8M cameras, Stereo speakers with Dolby Audio Premium

522 g light เบามากๆ


ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ แพคมาเสียแน่นตึ้บ ใน Surface Go ที่น้ำหนักเบา เพียง 522g เท่านั้น (ไม่รวม type cover ซึ่งหนัก 245g) เรียกได้ว่า เบาจนบางครั้งคิดว่าลืมหยิบใส่กระเป๋ามาได้เลยครับ

Surface สำหรับทุกคน


หากจะมองหา Windows machine ที่ราคาขนาดนี้ ได้ครบเครื่องขนาดนี้ คุณภาพวัสดุ งานดีๆ แบบนี้ ในขนาด 10 นิ้ว ผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีรุ่นไหน ที่เทียบกันได้

Surface Go นี้ Microsoft บอกว่า เหมาะกับทุกคน ซึ่งผมคิดว่า อาจจะจริง "ถ้า" ทุกคนนั้น หมายถึง
  • คนที่ต้องการใช้ Windows ทำงานเยอะๆ และมีเครื่องหลักอยู่แล้ว แต่ Surface Go จะมาเป็นเครื่องรอง
  • คนที่ต้องการใช้งานทั่วๆ ไป ไม่ต้องสเปคมากมาย
  • นักเรียน นักศึกษา ที่ชอบอะไรเล็กๆ (แต่ผมเห็นหลายๆ คนชอบใหญ่ๆ ก็มีนะ)
  • พนักงานออฟฟิศที่ออกนอกสถานที่เป็นประจำ

เอาล่ะครับ วันนี้คงพอแต่เพียงเท่านี้ ไว้คราวหน้าผมจะพูดถึง performance ของ Surface Go กันนะครับ

ลองดู Surface Go ใน Lazada

 Credit: Photos & videos from Microsoft

Thursday, 23 August 2018

วิธีบังคับให้ Windows 10 ใช้การ์ดจอแยกกับเกมหรือโปรแกรมของเรา

สวัสดีครับ หลายๆ ท่านที่มีคอมที่มีการ์ดจอแยกน่าจะทราบกันดีว่า บางครั้ง Windows ก็ไม่หวังดีกับเรา ดันไปใช้การ์ดจอ on board ในการรันโปรแกรมหรือเกมซะงั้น ก็หงุดหงิดกันไป ถ้าเป็นสมัยก่อน อาจจะต้องใช้โปรแกรมเข้ามาช่วยปรับแต่ง (เช่น NVIDIA experience) นั่นเอง ซึ่งหากใครไม่รู้ ก็จะงงๆ กันต่อไป

แต่วันนี้ หากเราใช้ Windows 10 April 2018 update หรือ version 1803 แล้ว เราสามารถบังคับให้ Windows 10 ทำได้ง่ายๆ ตามวีดีโอนี้เลยครับ มันสามารถเลือกได้เป็นรายเกม/ โปรแกรมเลยนะครับ ว่าจะบังคับให้ใช้การ์ดจอแยก (dGPU) หรือ การ์ดจอ on board


Credit: eSPE tech channel

Friday, 13 July 2018

ของเถื่อนหลบไป - Microsoft ให้ใช้ Office 365 ฟรี - เพื่อการศึกษา


Microsoft Office นั้น จัดว่าเป็นโปรแกรมสำคัญมากโปรแกรมหนึ่ง สำหรับทุกคนที่ใช้ Computer ในการสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ห้างร้าน มหาวิทยาลัย หรือในโรงเรียนก็ตาม ส่วนใหญ่ก็ใช้ Microsoft Office กันทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม Microsoft Office เองนั้น จัดว่าเป็นโปรแกรมที่มีราคาสูงในระดับหนึ่ง และเป็นโปรแกรมหนึ่งที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุด ไม่น้อยไปกว่า Microsoft Windows เลยทีเดียว ซึ่งหากไปถามคนที่ใช้โปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์ ว่าทำไมถึงใช้ก็มักจะได้รับคำตอบว่ายอดฮิตว่า "ก็มันแพง", "ขอเงินพ่อแม่อยู่", "ไม่มีตังซื้อ", "ใช้ไม่บ่อย" เป็นต้น

สำหรับผมเองนั้น สนับสนุนการใข้สินค้าที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์นะครับ อย่างไรก็ตาม เรื่องที่คนไทยหลายๆ คน โดยเฉพาะเด็กๆ นั้นขาดแคลนทุนทรัพย์ ก็เป็นเรื่องที่จริงในสังคมของเราเช่นกัน แม้ว่าปัจจุบัน Microsoft จะมี Office 365 มาให้ใช้ โดยจ่ายรายปีไม่แพง แต่บางคนก็ไม่มีเงินจริงๆ หรืออาจมีผู้ปกครองที่ไม่เข้าใจในเรื่องการใช้โปรแกรมถูกลิขสิทธิ์ (ส่วนผู้ใหญ่ที่หาเงินได้เองแล้ว ก็คิดเอาเองนะครับ) ทำให้ผมดีใจมากที่ วันนี้ Microsoft ได้ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ ได้ใช้ Microsoft Office 365  Education ได้ฟรี

ก็หมดปัญหากันไป ไม่ว่าจะเรื่องลิขสิทธิ์ เรื่องการใช้งานติดๆ ขัดๆ การที่โปรแกรมไม่อัพเดท หรือไวรัสต่างๆ ที่มาพร้อมโปรแกรมผิดกฎหมาย

ไม่ต้องรอช้า สามารถขอรับ Office 365 ได้ที่นี่เลยครับ



ข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่าง นี้ ผมสรุปมากจาก Microsoft Office website นะครับ

Office 365 Education คืออะไร?

Office 365 Education คือคอลเลกชันของบริการที่ทำให้คุณทำงานร่วมกันและแชร์งานที่โรงเรียนของคุณได้ โดยพร้อมให้ใช้งานฟรีสำหรับครูที่กำลังทำงานอยู่ในสถาบันการศึกษาและสำหรับนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษา บริการรวมถึง Office Online (Word, PowerPoint, Excel และ OneNote) ที่เก็บข้อมูลบน Cloud ส่วนบุคคลแบบไม่จำกัด , Yammer และไซต์ SharePoint บางโรงเรียนอนุญาตให้ครูและนักเรียนติดตั้งแอปพลิเคชัน Office แบบเต็มได้ฟรีสูงสุดบนพีซีหรือ Mac 5 เครื่อง ถ้าโรงเรียนของคุณมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมนี้ คุณจะเห็นปุ่มติดตั้ง Office บน โฮมเพจ Office 365 ของคุณ หลังจากเสร็จสิ้นการลงทะเบียนแล้ว

ใครบ้างที่สามารถใช้ Office 365 Education ได้

คุณต้องเป็นสมาชิกของคณะหรือเป็นพนักงานเต็มเวลาหรือนอกเวลาหรือนักเรียนที่สถาบันการศึกษาและ:
  • มีที่อยู่อีเมลเฉพาะของโรงเรียนที่ทางโรงเรียนกำหนดให้ (เช่น contoso.edu) ซึ่งสามารถรับอีเมลภายนอกได้
  • มีอายุครบกำหนดตามกฎหมายในการลงทะเบียนรับข้อเสนอออนไลน์เฉพาะบุคคล
  • มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต